Tesla Model 3 Long Range รถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพต่อราคา คุ้มค่าที่สุดในประเทศไทย
เปรียบเทียบได้กับรถยนต์ทุกชนิดพลังงาน เพราะ Tesla Model 3 Long Range มาพร้อมกับพละกำลังมากถึง 441 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 493 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อันเป็นผลพวงมาจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่สุดทรงพลัง
และนอกจากมอบพละกำลังสูงมากแล้ว ยังมอบความประหยัดได้อย่างน่าประทับใจ โดยตัวรถมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 75 kWh ที่ผสานการทำงานกับซอฟแวร์ที่ชาญฉลาด กับระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้มัน สามารถขับได้ไกลถึง 681 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับได้ไกลที่สุดในปัจจุบัน ในงบประมาณไม่เกิน 2 ล้านบาท
มันกลายเป็นรถยนต์ระดับ 400 แรงม้า ที่ใช้งานได้ทุกวัน และขับขี่ได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมันคือรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่มีเสียงรบกวน และไม่มีไอเสียแต่อย่างใด
โครงสร้างตัวถังของ Tesla Model 3 เน้นหนักไปที่ความปลอดภัยเป็นหลัก มันถูกออกแบบให้ชิ้นส่วนต่างๆ สามารถกระจายแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม การันตีความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากสถาบันทดสอบความปลอดภัยอันเกิดจากการชนแทบทุกสำนัก ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานยุโรป หรือมาตรฐานสหรัฐอเมริกา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเคี่ยว Tesla Model 3 ก็สอบผ่านระดับ 5 ดาวทั้งหมด
ด้านหน้าของ Tesla Model 3 ใช้กระจังหน้าแบบปิดทึบตามพิมพ์นิยมของรถยนต์ไฟฟ้า ไฟหน้าแบบ LED เต็มระบบ พร้อมไฟตัดหมอก
ด้านข้าง ลายเส้นของตัวรถจะดูคล้ายๆ กับ Tesla Model S ค่อนข้างมาก และฟีเจอร์ต่างๆ ก็เรียกได้ว่ายกมาครบๆ ไม่ว่าจะเป็นมือจับประตูแบบเรียบเนียนกับตัวรถ, หลังคาแก้วแบบพาโนรามิก, กล้องรอบคัน, Autopilot เป็นต้น
ระบบช่วยการขับขี่ใน Tesla Model 3 ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น โดยแบ่งเป็นหัวข้อได้ดังนี้
- Navigate on Autopilot ระบบขับอัตโนมัติ ตามเส้นทางที่กำหนดไว้
- Auto Lane Change ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ
- Autopark ระบบถอยจอดรถอัตโนมัติ
- Summon ระบบเรียกรถมาหาเรา
- Full Self-Driving Computer ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เวอร์ชั่นอัพเกรด (ต้องซื้อแพ็กเกจ FSD)
- Traffic Light and Stop Sign Control ระบบหยุดรถตามสัญญาณจราจรอัตโนมัติ
ล้อ มีให้เลือกเฉพาะรุ่น Standard ขับเคลื่อนล้อหลังเท่านั้น ซึ่งจะมีออปชั่นให้เลือกระหว่างล้อ Aerowheel ขนาด 18 นิ้ว กับล้อ Sport ขนาด 19 นิ้ว
ในรุ่น Long Range จะให้ล้อ Sport 19 นิ้วมาเป็นขนาดมาตรฐาน ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้
และรุ่น Performance จะให้ล้อ Uberturbine ขนาด 20 นิ้ว มาเป็นมาตรฐาน ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้
ด้านท้ายของตัวรถ หลังคาถูกออกแบบให้ลายเส้นลาดลงมารับถึงท้ายรถ ทำให้ตัวรถดูกลมมน ไฟท้ายใช้แบบ LED เต็มระบบ
พื้นที่เก็บสัมภาระ มีความจุมากถึง 649 ลิตร สามารถเปิดพื้นออกเพื่อเก็บของเพิ่มเติมด้านล่างได้ และสามารถพับเบาะนั่งตอนหลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้อีก
ช่องชาร์จแบตเตอรี่ อยู่ที่มุมหลังซ้ายของตัวรถ
เข้ามาภายในห้องโดยสาร คงความเอกลักษณ์มินิมอลสไตล์ Tesla ไว้ได้เป็นอย่างดี โดยการตกแต่งภายในของเค้าจะโดดเด่นด้วยหน้าจอควบคุมกลางขนาด 15 นิ้ว ที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของตัวรถทั้งคันเอาไว้ในหน้าจอเดียว
พวงมาลัยทรงกลม มาพร้อมปุ่มควบคุมแบบ Joy Stick 2 ปุ่มเท่านั้น ครอบคลุมการสั่งการของตัวรถโดยส่วนใหญ่
ด้านใต้หน้าจอ มีแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สายมาให้ 2 ช่อง ถัดมากับช่องเก็บของขนาดใหญ่ พร้อมฝาปิด และที่วางแก้วน้ำจำนวน 2 ช่อง
หลังคาแก้วแบบ 2 ชิ้นวางต่อกัน ช่วยทำให้ห้องโดยสารโปร่ง โล่งสบาย
เครื่องเสียง ใช้ลำโพงจำนวน 14 ตัว พร้อมซับวูฟเฟอร์ แล้วแอมพลิฟายเออร์จำนวน 2 ตัว เพื่อคุณภาพเสียงภายในห้องโดยสารระดับสตูดิโออัดเสียง