

ในภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ปัจจุบัน เรากำลังเป็นสักขีพยานในการกลับมาได้รับความนิยมอย่างสูงของกลุ่มรถยนต์ที่เรียกว่า "Youngtimer" หรือรถยนต์คลาสสิกร่วมสมัยที่ผลิตในช่วงทศวรรษที่ 1990 ถึงต้นยุค 2000 หนึ่งในยนตรกรรมที่โดดเด่นและทรงคุณค่าที่สุดในกลุ่มนี้คือ Mercedes-Benz E-Class รหัสตัวถัง W210 ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นรอยต่อสำคัญทางวิศวกรรมระหว่างยุคเครื่องกล (Mechanical Era) และยุคดิจิทัล (Digital Era) การออกแบบ "ตากลมคู่" (Four-eyed face) อันเป็นเอกลักษณ์ และโครงสร้างตัวถังที่เน้นความนุ่มนวลแต่เกาะถนนแบบ "Magic Carpet Ride" ทำให้ W210 ยังคงเป็นที่ต้องการของนักสะสมและผู้ใช้งานจริง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวิศวกรรมเครื่องกลของ W210 จะมีความทนทานและเป็นเลิศ แต่เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยภายในห้องโดยสารกลับกลายเป็นข้อจำกัดสำคัญในการใช้งานในชีวิตประจำวันยุคปัจจุบัน ระบบวิทยุเดิมแบบ Single DIN หรือ COMAND 2.0 ในยุคนั้น ขาดความสามารถในการเชื่อมต่อกับโลกอินเทอร์เน็ต ไม่มีระบบนำทางแบบ Real-time และขาดระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) ที่จำเป็นสำหรับการจราจรที่หนาแน่น
รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกทางเทคนิคเกี่ยวกับกระบวนการ "Restomod" (Restoration + Modification) ที่มุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ W210 ให้เทียบเท่ารถยนต์หรูรุ่นปี 2025 โดยผ่านการบูรณาการสามแกนหลัก: 1) ระบบปฏิบัติการ Android อัจฉริยะขนาด 9 นิ้ว 2) ระบบความปลอดภัยเชิงทัศนวิสัยรอบทิศทาง 360 องศา และ 3) ระบบเสียงระดับ Audiophile จาก Mercury Car Audio การวิเคราะห์นี้จะครอบคลุมถึงรายละเอียดสเปกทางฮาร์ดแวร์ ทฤษฎีวิศวกรรมเบื้องหลัง และผลลัพธ์เชิงประจักษ์ที่จะเกิดขึ้นจากการอัปเกรด เพื่อยืนยันว่าการลงทุนครั้งนี้คือการ "ยกระดับตำนาน" อย่างแท้จริง

ก่อนที่จะเจาะลึกถึงรายละเอียดของการอัปเกรด จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจถึงแพลตฟอร์มพื้นฐานของรถยนต์ เพื่อให้เห็นถึงความจำเป็นและความท้าทายในการติดตั้งอุปกรณ์สมัยใหม่
Mercedes-Benz W210 เป็นรถยนต์ซีดานขนาดกลางถึงใหญ่ (Executive Sedan) ที่มีมิติตัวถังยาวประมาณ 4,818 มิลลิเมตร และกว้าง 1,799 มิลลิเมตร
นอกจากนี้ การออกแบบท้ายรถที่ลาดลง (Sloping Trunk Deck) และเสา C-Pillar ที่หนาเพื่อความแข็งแรงของโครงสร้าง ทำให้ผู้ขับขี่ไม่สามารถกะระยะของกันชนหลังได้อย่างแม่นยำด้วยสายตาเปล่า ในยุคที่ W210 เปิดตัว ระบบช่วยจอด Parktronic เป็นเพียงอุปกรณ์เสริมที่มีราคาสูงและหาได้ยากในรถบางคัน การขาดเซนเซอร์กะระยะหรือกล้องมองหลังในสภาพการจราจรปัจจุบันที่มีรถจักรยานยนต์และสิ่งกีดขวางขนาดเล็กจำนวนมาก ถือเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อสีตัวถังและล้อแม็ก (โดยเฉพาะล้อ AMG Monoblock ที่มีมูลค่าสูง) ได้
จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ W210 คือการเก็บเสียง (NVH: Noise, Vibration, Harshness) วิศวกรของ Mercedes-Benz ในยุคนั้นใช้วัสดุซับเสียงคุณภาพสูง ทั้งพรมปูพื้นหนา แผ่นแดมป์ภายในประตู และกระจกที่มีความหนาพิเศษ ทำให้ห้องโดยสารของ W210 มีค่า Noise Floor ที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับรถยนต์ญี่ปุ่นหรือรถ Eco Car ในปัจจุบัน
ความเงียบสงบนี้เปรียบเสมือน "ผ้าใบสีขาว" (Blank Canvas) ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการติดตั้งระบบเครื่องเสียงระดับ High-Fidelity (Hi-Fi) เพราะเสียงรบกวนจากภายนอกที่น้อยลง หมายความว่าผู้ฟังจะได้ยินรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของดนตรี (Micro-details) ได้ชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องเร่งความจนเสียงเพี้ยน (Distortion) อย่างไรก็ตาม ลำโพงเดิมติดรถซึ่งมักจะเป็นกรวยกระดาษ (Paper Cone) ย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ขอบโฟมเปื่อยยุ่ย ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความถี่เสียงได้ครบถ้วน โดยเฉพาะย่านความถี่ต่ำและความถี่สูงพิเศษ

การเปลี่ยนวิทยุเดิมมาเป็นหน้าจอ Android คือการเปลี่ยน "สมอง" ของระบบความบันเทิงในรถยนต์ จากเดิมที่เป็นเพียงเครื่องเล่นวิทยุและซีดี มาเป็นคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงที่เชื่อมต่อโลกภายนอกได้
ในตลาดเครื่องเสียงรถยนต์ปัจจุบัน สเปกของหน่วยความจำ (Memory) เป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพที่สำคัญที่สุด ระบบที่นำเสนอในชุดอัปเกรดนี้เลือกใช้สเปกสูงสุดที่ RAM 6GB และ ROM 128GB ซึ่งมีความหมายทางวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ดังนี้:
RAM 6GB (Random Access Memory):
กลไกการทำงาน: RAM คือพื้นที่พักข้อมูลชั่วคราวสำหรับแอปพลิเคชันที่กำลังทำงาน ในระบบปฏิบัติการ Android ยุคใหม่ (Android 10/11/12) ตัวระบบปฏิบัติการเอง (System Core) และบริการพื้นฐาน (Google Play Services) ใช้พื้นที่ RAM ไปแล้วประมาณ 1.5 - 2 GB หากใช้เครื่องที่มี RAM เพียง 2GB หรือ 4GB ระบบจะเหลือพื้นที่น้อยมากสำหรับการรันแอปพลิเคชันหนักๆ
ประโยชน์เชิงประจักษ์: การมี RAM 6GB เปรียบเสมือนการมีถนน 6 เลนที่กว้างขวาง ช่วยให้ระบบสามารถรันแอปพลิเคชัน Google Maps (ซึ่งกินทรัพยากรสูงในการเรนเดอร์กราฟิกแผนที่ 3 มิติ) ควบคู่ไปกับแอปสตรีมมิ่งเพลงคุณภาพสูง (เช่น Spotify หรือ Tidal ที่ Bitrate สูง) และยังต้องประมวลผลภาพจาก กล้อง 360 องศา ในพื้นหลังได้พร้อมกันโดยไม่เกิดอาการ "คอขวด" (Bottleneck) หรืออาการหน่วง/ค้าง (Lag) ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในรถยนต์ระดับหรู
Multitasking Capability: ผู้ขับขี่สามารถสลับหน้าจอระหว่างแผนที่และเพลงได้ทันที (Instant Switching) โดยที่แอปพลิเคชันไม่ถูกปิดตัวลง (App Kill) ทำให้ประสบการณ์การใช้งานลื่นไหลเสมือนการใช้สมาร์ทโฟนระดับเรือธง
ROM 128GB (Read-Only Memory / Internal Storage):
เทคโนโลยี NAND Flash: การใช้ชิปหน่วยความจำขนาด 128GB ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์ (Offline Maps) ของ Google Maps ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศหรือภูมิภาค ซึ่งกินพื้นที่หลายกิกะไบต์ เพื่อป้องกันปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตขาดหายในพื้นที่ห่างไกล
คลังสื่อความบันเทิง: พื้นที่ขนาดใหญ่นี้ยังรองรับการดาวน์โหลดภาพยนตร์จาก Netflix หรือซีรีส์จาก Disney+ Hotstar เก็บไว้ในเครื่อง เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับชมความบันเทิงระดับ HD โดยไม่ต้องเปลืองดาต้าอินเทอร์เน็ต หรือประสบปัญหาภาพกระตุกจากการบัฟเฟอร์ (Buffering) ระหว่างการเดินทางไกล
ความท้าทายสูงสุดของการติดตั้งจอ Android ในรถยุโรปยุค 90 คือเรื่องของความสวยงาม (Aesthetics) หน้าจอทั่วไปที่เป็นแบบ Universal 2-DIN มักจะต้องใช้กรอบหน้ากากเสริม (Spacer) ที่ดูราคาถูกและไม่เข้ากับลายไม้ของคอนโซล W210
Direct Model Fabrication: จอ Android 9 นิ้วในชุดนี้ ได้รับการออกแบบกรอบ (Bezel) ขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับ W210 โดยเฉพาะ (Specific Model)
Plug & Play Wiring: การเชื่อมต่อสายไฟใช้ชุดปลั๊กตรงรุ่น (Harness) ที่ไม่ต้องตัดต่อสายไฟเดิมของรถ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับรถ Mercedes-Benz ที่ระบบไฟมีความซับซ้อน การไม่ตัดต่อสายไฟช่วยลดความเสี่ยงเรื่องระบบไฟฟ้าลัดวงจร และยังสามารถถอดคืนสภาพเดิม (Revert to Stock) ได้หากต้องการขายรถต่อให้นักสะสมในอนาคต
ในยุคปัจจุบัน สมาร์ทโฟนคือศูนย์กลางของข้อมูลส่วนตัว ระบบนี้รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (Wireless) ผ่านโปรโตคอล Wi-Fi 5GHz
การเชื่อมต่อ: ทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบจะเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือโดยอัตโนมัติ ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงรายชื่อผู้ติดต่อ, แอปฟังเพลง, และการนำทางผ่านหน้าจอรถได้ทันทีโดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า
User Interface (UI): อินเทอร์เฟซที่คุ้นเคยของ Apple หรือ Android ถูกขยายขึ้นมาอยู่บนหน้าจอ 9 นิ้ว ไอคอนขนาดใหญ่และการสั่งงานด้วยเสียง (Siri / Google Assistant) ช่วยลดความเสี่ยงจากการละสายตาจากถนน (Distraction) เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด

การติดตั้งกล้อง 360 องศา (Around View Monitor) คือการนำเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับรถ Flagship ปี 2024 มาใส่ในตัวถัง W210 ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องทัศนวิสัยได้อย่างชะงัด
ระบบประกอบด้วยกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra-wide Fish-eye Lens) จำนวน 4 ตัว ติดตั้งที่กระจังหน้า, ฝากระโปรงท้าย, และใต้กระจกมองข้างทั้งสองฝั่ง เลนส์แต่ละตัวมีมุมมองกว้างกว่า 180 องศา
Image Stitching Algorithm: หน่วยประมวลผลภาพ (ISP - Image Signal Processor) ในจอ Android จะรับสัญญาณภาพจากกล้องทั้ง 4 ตัว แล้วทำการ "ดัด" ภาพที่โค้งงอจากเลนส์ Fish-eye ให้แบนราบ (Dewarping) จากนั้นจะนำขอบของภาพมาซ้อนทับกัน (Stitching) เพื่อสร้างภาพจำลองมุมมองจากด้านบน (Bird's Eye View) เสมือนมีโดรนบินถ่ายอยู่เหนือหลังคารถ
AHD Technology (Analog High Definition): ระบบนี้ใช้การส่งสัญญาณภาพแบบ AHD ซึ่งรองรับความละเอียดระดับ HD (720p/1080p) ผ่านสายสัญญาณ Coaxial แตกต่างจากกล้องมองหลังยุคเก่าที่เป็นระบบ CVBS (ความละเอียดต่ำเพียง 480i) ผลลัพธ์คือภาพที่คมชัด เห็นรายละเอียดของก้อนหิน, ขอบฟุตบาท, หรือสิ่งกีดขวางขนาดเล็กได้อย่างชัดเจนแม้ในเวลากลางคืน
การจอดเทียบฟุตบาท (Precision Parking): ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นแนวล้อกับขอบฟุตบาทผ่านกล้องด้านข้าง ทำให้สามารถจอดรถแนบชิดขอบทางได้โดยที่ล้อแม็กไม่ขูดขีด
การออกจากซองแคบ: กล้องหน้าและหลังที่มีมุมมองกว้าง 180 องศา ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นรถที่วิ่งตัดผ่าน (Cross Traffic) ในขณะที่หัวรถหรือท้ายรถเพิ่งจะโผล่ออกจากซองจอด ช่วยป้องกันอุบัติเหตุในจุดอับสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความมั่นใจ 100%: การมองเห็นรอบคันแบบ 360 องศา ช่วยขจัดความกังวลในการขับขี่รถคันใหญ่ ทำให้การใช้งาน W210 ในเมืองที่แออัดเป็นเรื่องง่ายและไร้ความเครียด

ระบบเสียงคือหัวใจสำคัญของความพรีเมียม การอัปเกรดครั้งนี้เลือกใช้แบรนด์ Mercury Car Audio ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการเครื่องเสียงรถยนต์ (Car Audio Competition) ว่ามีบุคลิกเสียงที่เน้นความสมจริง (Sound Quality - SQ) และความไพเราะของดนตรี
ลำโพงคู่หน้าเปรียบเสมือนนักดนตรีหลักบนเวที Mercury CE-165 เป็นลำโพงแบบแยกชิ้น (2-Way Component) ที่ประกอบด้วย:
วูฟเฟอร์ (Woofer) 6.5 นิ้ว:
วัสดุกรวย (Cone Material): ใช้ Polypropylene (PP) ผสม Mica การเติมแร่ไมก้าลงไปในเนื้อพลาสติก PP ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง (Rigidity) ให้กับกรวยลำโพงโดยไม่เพิ่มน้ำหนัก (Low Mass)
ผลทางเสียง: กรวยที่มีความแข็งแรงสูงจะสามารถขยับตัวผลักอากาศได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ (Fast Transient Response) ทำให้ได้เสียงเบสต้น (Mid-Bass) ที่ "กระชับ" "เก็บตัวเร็ว" และ "มีน้ำหนัก" เสียงกลองกระเดื่องจะฟังดูแน่น ตึง ไม่บวมเบลอ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการฟังเพลงหลากหลายแนว
ความทนทาน: วัสดุ PP และขอบยาง (Rubber Surround) มีความทนทานต่อความชื้นและความร้อนในแผงประตูรถได้ดีเยี่ยม อายุการใช้งานยาวนานกว่ากรวยกระดาษเดิมหลายเท่า
ทวีตเตอร์ (Tweeter) Silk Dome 38mm:
วัสดุโดมผ้าไหม (Silk Dome): นี่คือหัวใจของคำว่า "Audiophile" โดมที่ทำจากผ้าไหมเคลือบน้ำยาจะมีความนุ่มนวลในการตอบสนองความถี่สูง แตกต่างจากโดมโลหะที่อาจจะฟังดูแข็งกร้าว (Harsh)
ขนาด 38mm: ขนาดที่ใหญ่กว่าทวีตเตอร์ทั่วไป (ปกติ 25mm) ทำให้สามารถตอบสนองความถี่ลงมาได้ต่ำกว่า (Low Resonance Frequency) ช่วยให้เสียงร้อง (Vocal) เชื่อมต่อกับเสียงกลางจากวูฟเฟอร์ได้อย่างเนียนสนิท ไม่มีรอยต่อของเสียง
Sound Signature: ให้เสียงแหลมที่ "หวาน" "ใส" และ "ทอดตัวยาว" (Airy) ปลายเสียงมีความละเอียดระยิบระยับ (Sparkle) แต่ฟังสบายหู ไม่ล้าแม้จะฟังต่อเนื่องเป็นเวลานาน (Non-fatiguing) สร้างมิติเสียง (Imaging) ที่ทำให้รู้สึกเหมือนนักร้องมายืนร้องอยู่ตรงหน้าคอนโซลรถ
พาสซีฟครอสโอเวอร์ (Crossover Network): อุปกรณ์ตัดแบ่งความถี่ที่ออกแบบมาเฉพาะ (7kHz, 3dB/oct) ช่วยจัดระเบียบสัญญาณเสียง ให้ลำโพงแต่ละดอกทำงานในย่านความถี่ที่เหมาะสมที่สุด ลดความเพี้ยนและเพิ่มความคมชัดของรายละเอียดดนตรี
ลำโพงคู่หลังทำหน้าที่เป็น "Rear Fill" หรือเสียงบรรยากาศ เพื่อให้ห้องโดยสารมีความโอบล้อม (Envelopment)
การออกแบบแกนร่วม (Coaxial): C60 รวมเอาลำโพงเสียงทุ้มและแหลมไว้อยู่ในแกนเดียวกัน (Point Source) การออกแบบนี้ช่วยประหยัดพื้นที่ติดตั้งและให้เฟสของเสียง (Phase) ที่กลมกลืนกันในจุดนั่งด้านหลัง
3-Way System: การระบุว่าเป็น 3-Way Coaxial หมายถึงมีการเพิ่ม Super Tweeter เพื่อช่วยขับเสียงแหลมปลายสุด ให้รายละเอียดเสียงที่ครบถ้วนสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ทำให้ทุกคนในรถได้รับประสบการณ์เสียงระดับพรีเมียมเช่นเดียวกัน
ความเข้ากันได้ (Tonal Matching): เนื่องจากเป็นลำโพง Series ใกล้เคียงกัน บุคลิกเสียง (Timbre) ของคู่หน้าและคู่หลังจะมีความสอดคล้องกัน ทำให้เวทีเสียงไม่หลอกหูเมื่อเสียงเดินทางจากหน้าไปหลัง
ลำโพงทั้งสองชุดมีความไว (Sensitivity) สูงถึง 89-90 dB
เพื่อความชัดเจนในการเปรียบเทียบสิ่งที่ได้รับจากการอัปเกรด ตารางด้านล่างแสดงรายละเอียดทางเทคนิคที่สำคัญ:
| คุณสมบัติ (Feature) | รายละเอียด (Specification) | ประโยชน์ต่อผู้ใช้ (User Benefit) |
| หน่วยประมวลผล (RAM) | 6 GB LPDDR4X | การทำงานลื่นไหล เปิดหลายแอปพร้อมกันได้ ไม่ค้าง ไม่หน่วง |
| หน่วยความจำ (ROM) | 128 GB Flash Storage | เก็บข้อมูลแผนที่ออฟไลน์, โหลดหนัง Netflix, เพลง Spotify ได้จุใจ |
| หน้าจอ (Display) | 9 นิ้ว IPS / QLED Capacitive | ภาพคมชัด สีสันสดใส สู้แสงแดดได้ดี ทัชสกรีนแม่นยำเหมือนไอแพด |
| ระบบเชื่อมต่อ (Connectivity) | Wireless Apple CarPlay / Android Auto | สะดวกสบาย เชื่อมต่ออัตโนมัติ ไม่ต้องเสียบสาย รวดเร็วและปลอดภัย |
| การนำทาง (Navigation) | Google Maps / Waze (Online & Offline) | แม่นยำทุกเส้นทาง มีข้อมูลจราจร Real-time ไม่หลงทาง |
| ความบันเทิง (Media) | YouTube, Netflix, Disney+, Spotify | เปลี่ยนรถให้เป็นโรงหนังเคลื่อนที่ ความบันเทิงไร้ขีดจำกัด |
| รุ่น (Model) | ประเภท (Type) | วัสดุ (Material) | บุคลิกเสียง (Sound Signature) |
| CE-165 (คู่หน้า) | แยกชิ้น 2-Way (Component) | Woofer: PP+Mica / Tweeter: Silk 38mm | เวทีเสียงกว้าง, รายละเอียดชัดเจน, เสียงร้องหวาน, แหลมใสฟังสบาย |
| C60 (คู่หลัง) | แกนร่วม 3-Way (Coaxial) | Woofer: PP / Tweeter: PEI Dome | เสียงแน่น, เติมเต็มบรรยากาศ, มิติเสียงโอบล้อมผู้โดยสาร |
| การตอบสนองความถี่ | 60Hz - 25kHz | ครอบคลุมทุกย่านเสียง | ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีครบทุกชิ้น ตั้งแต่เบสลึกจนถึงปลายแหลม |
| รองรับกำลังขับ | 40W RMS / 120W Peak | รองรับไดนามิกเสียงได้กว้าง | เสียงไม่แตกพร่าเมื่อเปิดดัง รองรับอารมณ์เพลงได้ทุกรูปแบบ |
การอัปเกรด Mercedes-Benz W210 ด้วยชุดอุปกรณ์ "Android 9" + 360° Camera + Mercury Audio" นี้ ไม่ใช่เพียงการติดตั้งของแต่งรถทั่วไป แต่เป็นการทำ Modernization Engineering ที่ผ่านการคิดวิเคราะห์มาอย่างรอบคอบ
ยกระดับสุนทรียภาพ (Aesthetic Enhancement): การใช้หน้าจอทรง Direct Model ช่วยรักษาความคลาสสิกของห้องโดยสารไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนรถที่เพิ่งออกจากโชว์รูมปี 2025
ปฏิวัติการใช้งาน (Functional Revolution): ประสิทธิภาพของ RAM 6GB และ ROM 128GB เปลี่ยนให้ W210 กลายเป็น Mobile Office และ Entertainment Center เคลื่อนที่ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัล
ความปลอดภัยสูงสุด (Safety Assurance): ระบบกล้อง 360 องศา แก้ไขจุดอ่อนเรื่องทัศนวิสัยของรถยุค 90 ทำให้การขับขี่ในเมืองและการจอดรถเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย ปกป้องตัวถังรถอันทรงคุณค่าจากรอยขีดข่วน
คุณภาพเสียงระดับดนตรี (Audiophile Experience): ชุดลำโพง Mercury เปลี่ยนห้องโดยสารที่เงียบสงบของ Benz ให้กลายเป็น Concert Hall ส่วนตัว ที่ถ่ายทอดอารมณ์เพลงได้อย่างลึกซึ้ง
บทสรุป: สำหรับเจ้าของ W210 ที่รักในสมรรถนะของรถแต่ต้องการความสะดวกสบายของเทคโนโลยีสมัยใหม่ แพ็คเกจนี้คือคำตอบที่สมบูรณ์ที่สุด (Ultimate Solution) มันคือการผสมผสานที่ดีที่สุดของสองโลก: "Classic Soul, Modern Heart" (จิตวิญญาณคลาสสิก หัวใจทันสมัย) ทำให้ตำนาน W210 คันนี้พร้อมที่จะโลดแล่นต่อไปบนถนนอย่างสง่างามและทันสมัยไปอีกทศวรรษ
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงข้อมูลทางเทคนิคและผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ผู้ที่สนใจยกระดับสมรรถนะรถยนต์ Mercedes-Benz W210